ครูดนตรีที่มีชื่อเสียง :หลวงประดิษฐไพเราะ
.jpg/250px-Luang_Praditphairo_(Sorn_Silpabanleng).jpg)

หลวง
ประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) (6 สิงหาคม พ.ศ. 2424 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2497)
เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2424 เป็นบุตรของ นายสิน นางยิ้ม
ศิลปบรรเลง บิดาของท่านคือครูสินเป็นเจ้าของวงปี่พาทย์ และเป็นศิษย์ของพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร)
ในปี พ.ศ. 2443 ขณะเมื่ออายุ 19 ปี ท่านได้แสดงฝีมือเดี่ยวระนาดเอกถวายสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นที่ต้องพระทัยมาก จึงทรงรับตัวเข้ามาไว้ที่วังบูรพาภิรมย์ ทำหน้าที่คนระนาดเอกประจำวงวังบูรพา
ไปด้วย พร้อมกับสมเด็จท่านได้ เชิญครูมาสอนที่วัง คือ
พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) เนื่องจากจางวางศร
ได้รับพระกรุณาจากสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช เป็นอย่างมาก ทรงจัดหาครูที่มีฝีมือมาฝึกสอน ทำให้จางวางศรมีฝีมือกล้าแข็งขึ้นในสมัยนั้นไม่มีใครมีฝีมือเทียบเท่าได้เลย จางวางศร ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็นหลวงประดิษฐไพเราะ
ในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2468 ทั้งๆ
ที่ท่านไม่เคยรับราชการอยู่ในกรมกองใดมาก่อน ทั้งนี้ก็เพราะฝีมือและความสามารถของท่าน เป็นที่ต้องพระหฤทัยนั่นเอง
ครั้นถึงปี พ.ศ. 2469 ท่านได้เข้ารับราชการในกรมปี่พาทย์และโขนหลวง กระทรวงวัง ท่านได้มีส่วนถวายการสอนดนตรีให้กับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี รวมทั้งมีส่วนช่วยงานพระราชนิพนธ์เพลงสามเพลง คือ เพลงราตรีประดับดาวเถา เพลงเขมรละออองค์เถา และ เพลงโหมโรงคลื่นกระทบฝั่ง สามชั้น
เพลงได้แต่งไว้หลวงประดิษฐไพเราะ ได้แต่งเพลงไว้มากกว่าร้อยเพลง ดังนี้:เพลงโหมโรง
โหมโรงกระแตไต่ไม้ ,โหมโรงปฐมดุสิต ,โหมโรงศรทอง ,โหมโรงประชุมเทวราช
,โหมโรงบางขุนนท์, โหมโรงนางเยื้อง, โหมโรงม้าสะบัดกีบ และ
โหมโรงบูเซ็นซ๊อค เป็นต้น
เพลงเถา
สาริกาเขมรเถา, โอ้ลาวเถา,
กำสรวลสุรางค์เถา, แขกไทรเถา ,สุรินทราหูเถา ,เขมรภูมิประสาทเถา
,แขไขดวงเถา, พระอาทิตย์ชิงดวงเถา, กราวรำเถา ฯลฯ
และหลวงประดิษฐไพเราะถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 รวมอายุ 73 ปี
ชีวประวัติของท่านเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องโหมโรง ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ. 2547 และได้รับการดัดแปลงซ้ำเป็นละครโทรทัศน์ ซึ่งออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อ พ.ศ. 2555
บุคคลที่ทำให้ดนตรีไทยฟื้นมาอีกครั้ง โดยนำดนตรีไทยมาทำหนัง เรื่อง โหมโรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น